วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูกในอายุ 2-49 ปี ทางเลือกป้องกันไข้หวัดใหญ่โดยไม่ต้องฉีด

ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพนครธน, ศูนย์สุขภาพเด็ก

บทความโดย : นพ. มนัสวิน อ่อนหวาน

ไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน แต่หลายคนอาจลังเลเพราะกลัวเข็ม ทำให้พลาดโอกาสในการสร้างภูมิคุ้มกันที่สำคัญนี้ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก สำหรับอายุ 2-49 ปี เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการฉีดยา ช่วยให้การป้องกันโรคทำได้ง่าย สะดวก และไม่เจ็บ พร้อมทั้งกระตุ้นภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นจุดแรกที่ไวรัสเข้าสู่ร่างกาย วัคซีนรูปแบบใหม่นี้ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงในการลดโอกาสการติดเชื้อและแพร่กระจายของไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้


โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นอย่างไร

โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วผ่านการไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของร่วมกัน พบได้บ่อยในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในฤดูฝนหรือช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ การป้องกันด้วยการรับวัคซีนเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้ผลและปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อน

> กลับสารบัญ


วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก คืออะไร

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก ประกอบด้วยไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็นที่ทำให้อ่อนแรง (Live Attenuated Influenza Vaccine – LAIV) โดยให้ผ่านการพ่นละอองเข้าสู่โพรงจมูกเพื่อเลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติ สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันตั้งแต่เยื่อบุในโพรงจมูก ไปจนถึงในกระแสเลือดและทั้งระบบในร่างกาย โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก จะเป็นชนิด 3 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ซีกโลกใต้ปี ค.ศ. 2025 จำนวน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ A(H1N1), A(H3N2) และ B/Victoria lineage) และจะเปลี่ยนสายพันธุ์ทุกปีตามประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO)

> กลับสารบัญ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

ประสิทธิภาพของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก

  1. กระตุ้นภูมิคุ้มกันที่เยื่อบุโพรงจมูกชนิด IgA สร้างภูมิคุ้มกันแอนติบอดีชนิด IgA บริเวณทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นด่านแรกในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ (จำลองการติดเชื้อทางธรรมชาติ)
  2. กระตุ้นภูมิคุ้มกันในระบบร่างกายชนิด IgG ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการป้องกันเชื้อไวรัสและลดความรุนแรงของโรค
  3. กระตุ้นภูมิคุ้มกันระดับ T-cell ให้มีการกำจัดเชื้อไวรัสออกจากร่างกาย และสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาว (memory cell)

> กลับสารบัญ


จุดเด่นของวัคซีนชนิดพ่นจมูก

  • ประสิทธิภาพลดการป่วยไข้หวัดใหญ่ได้ถึง 88% ลดการนอนโรงพยาบาลได้ 63% ภูมิขึ้นตั้งแต่ 3-5 วันหลังพ่นวัคซีน
  • เด็กที่ได้รับวัคซีนชนิดพ่นจมูก ป่วยเป็นไข้หวัดน้อยกว่าแบบฉีด 45%
  • กระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเนื่องมีประสิทธิภาพยาวนาน 12 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องรับวัคซีนซ้ำภายใน 1 ปี
  • ให้ผลป้องกันที่ดีกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยได้
  • ไม่ต้องใช้เข็มฉีด ลดความกังวลและความเจ็บปวดในผู้ที่กลัวเข็ม โดยเฉพาะในเด็ก
  • เสริมภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ เพิ่มภูมิคุ้มกันบริเวณโพรงจมูกและทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นจุดแรกที่เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย
  • ใช้งานสะดวก ขั้นตอนไม่นาน การให้วัคซีนใช้เวลาพ่นเพียงไม่กี่วินาที

> กลับสารบัญ


วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูกเหมาะกับใคร

  • เด็กอายุ 2-14 ปี ที่มีความกังวลและกลัวการฉีดยา โดย
    • เด็กที่อายุน้อยกว่า 9 ปี และได้รับวัคซีนครั้งแรก ต้องพ่น 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นพ่นปีละ 1 ครั้ง
    • เด็กที่อายุมากกว่า 9 ปี พ่น ปีละ 1 ครั้ง
  • วัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่สุขภาพแข็งแรงอายุ 15-49 ปี พ่นปีละ 1 ครั้ง

> กลับสารบัญ



ข้อควรระวังในการรับวัคซีนชนิดพ่นจมูก

  • ไม่เหมาะกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี
  • ไม่เหมาะกับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • ถ้าอายุ 2-17 ปี ต้องไม่อยุ่ระหว่างการใช้ Aspirin (และหลังได้วัคซีน ไม่ควรใช้ Aspirin อีก 4 สัปดาห์)
  • ไม่มี Wheezing และไม่มีประวัติ Wheezing ในช่วงอายุต่ำกว่า 5 ปี
  • ไม่ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
  • ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้รุนแรงต่อ วัคซีนหรือส่วนประกอบของวัคซีน
  • ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ไข่รุนแรง
  • ไม่ใช้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น อยู่ระหว่างรับยาเคมีบำบัด ผู้ที่อยุ่ระหว่างล้างไต เป็นต้น
  • ไม่มีโรคประจำตัว ดังนี้ โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคปอด หอบหืด และ Guillain Barre' Syndrome
  • ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ทานยา Antiviral (ยาฆ่าเชื้อไวรัส) เพราะอาจทำให้วัคซีนไม่ได้ผล เช่น Oseltamivir, Zanamivir มาก่อน 48 ชั่วโมง ก่อนรับวัคซีน หรือ Baloxavir (Xofluza) มาก่อน 17 วัน ก่อนรับวัคซีน เป็นต้น และหลังรับวัคซีนแล้ว หากต้องทานยา Antiviral เหล่านี้ภายใน 2 สัปดาห์ อาจจะต้องพิจารณาให้วัคซีนใหม่

> กลับสารบัญ


อาการข้างเคียงที่อาจพบได้

อาการที่พบบ่อย ได้แก่ มีน้ำมูก คัดจมูก เจ็บคอ มีไข้ โดยอาการเหล่านี้มักหายได้เองภายในไม่กี่วัน หากมีอาการผิดปกติที่รุนแรง เช่น อาการแพ้รุนแรง ปาก/ตาบวม ลิ้นบวม หายใจไม่สะดวก ควรรีบพบแพทย์ทันที

> กลับสารบัญ


คำถามที่พบบ่อย

Q: ทำไมถึงไม่ก่อโรค ทั้งที่เป็นเชื้อชนิดเชื้อเป็น?

A: เนื่องจาก มีการปรับปรุงให้อ่อนแรงลง และเจริญเติบโตได้แค่ที่ ๆ อุณหภูมิต่ำ ไม่เจริญเติบโตที่อุณหภูมิสูง (37-39 องศาเซลเซียส) โดยแบ่งตัวที่จมูก (Cold-adapted) และตายที่ปอด (Temperature Sensitive)

Q: ถ้าปีนี้รับวัคซีนรูปแบบฉีดมาแล้ว ควรรับวัคซีนพ่นจมูกด้วยหรือไม่?

A: ปกติ แนะนำรับวัคซีนปีละ 1 ครั้ง และวัคซีนพ่นจมูกเป็นสายพันธุ์เดียวกับแบบฉีดที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หากต้องการรับวัคซีน แพทย์อาจ พิจารณาให้ฉีดได้ โดยเว้นห่างประมาณ 6 เดือน หลังการรับวัคซีนครั้งก่อน

Q: ให้ร่วมกับวัคซีนอื่นได้หรือไม่?

A: ให้ร่วมกับวัคซีนอื่นที่ไม่ใช่วัคซีนเชื้อเป็นได้ กรณีวัคซีนวัคซีนเชื้อเป็นอื่นๆ ให้ในวันเดียวกันได้ แต่หากไม่ได้ให้วันเดียวกัน ต้องห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน

> กลับสารบัญ


วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก เป็นทางเลือกใหม่ที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ การรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปีสามารถช่วยลดโอกาสเกิดโรคและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิผล ทั้งนี้ก่อนรับวัคซีนชนิดพ่นจมูกควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งเพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยในแต่ละบุคคล



นพ.มนัสวิน อ่อนหวาน นพ.มนัสวิน อ่อนหวาน

นพ.มนัสวิน อ่อนหวาน
เวชปฏิบัติทั่วไป/แพทย์ศูนย์สุขภาพ
ศูนย์สุขภาพนครธน

นัดหมายแพทย์

ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย





Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย